เรื่อง ตาย
- ท่านที่ไปร่วมฟังสวดพระอภิธรรม คงจะเคยเห็นตาลปัตร ๔ ด้าม ที่พระสงฆ์ใช้ขณะสวดปักเป็นข้อความด้ามละวรรคเรียงกันไปว่า “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น” ทั้งหมดจะเกี่ยวกับความตายทั้งนั้น ความตายเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตต้องประสบ หลบไม่ได้เลี่ยงไม่พ้น แม้ว่าจะไม่มีใครปรารถนาแต่ก็ต้องพบเมื่อเรารู้ว่าถึงอย่างไรก็ต้องตาย แล้วจะทำอย่างไร? ท่านพุทธทาสภิกขุ เคยกล่าวสอนไว้ว่าการตาย เป็นหน้าที่ของสังขารอย่างไม่มีทางเปลี่ยนแปลง แก้ไข นอกจากต้อนรับให้ถูกวิธี มีคติอุทาหรณ์ที่ดีและการมีชีวิตอยู่อย่างมีประโยชน์แก่ทุกฝ่าย เป็นหน้าที่ของผู้ที่ยังไม่ตายและรู้หน้าที่ของตน…”การคิดถึงความตายหรือการไปร่วมงานศพ อาจจะทำให้จิตใจเศร้าสลดหดหู่ แต่หากมองในแง่ของธรรมะ ก็มีสาระให้ควรคำนึงได้ดังนี้
- ได้เห็นความดี เห็นคุณค่าแห่งชีวิตปรากฏชัดขึ้น อันก่อให้เกิดความอาลัยรัก เสียดายเมื่อตายจาก
- ได้ความสามัคคีปรองดอง เกิดความเห็นใจ เข้าใจ ไม่ทอดทิ้งหรือนิ่งดูดาย
- มองเห็นสัจธรรม ว่าทุกอย่างต่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และช่วยให้มีสติ ได้ความสำนึกที่ดี
- รีบทำที่พึ่งแก่ตน โดยยึดเอาคนตายเป็นเครื่องเตือนตนให้เร่งละชั่วทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ไม่ประมาทเมามัว คิดว่าตัวยังไม่ตาย ตรงตามพุทธภาษิตว่า เพียรทำความดีเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะตายหรือยังอยู่ คิดในแง่นี้ ความตายก็มีประโยชน์ คือเป็นตัวเร่งให้เราขยันทำความดี ทำหน้าที่ให้หมดจดเรียบร้อย
- ดังนั้น เราท่านทั้งหลายจงรีบขวนขวายหาที่พึ่ง และเตือนตนไว้เสมอว่าเกิดมาจงก่อสร้าง ความดี
เรื่อง สาระจากงานศพ
- ทุกคนคงเคยไปงานศพมาแล้วคนละหลายครั้ง และถ้าไม่ใช่ศพของญาติผู้ใหญ่หรือคนสำคัญในครอบครัวความรู้สึกที่ไปก็คงไม่มีอะไรพิเศษนัก คือสามารถพูดได้รวม ๆ ว่าไปเพื่อปฏิบัติภารกิจทางสังคมอย่างหนึ่งถ้าประโยชน์ของการไปงานศพได้รับเพียงการไปออกงานสังคมก็นับว่าน่าเสียดาย เพราะเป็นการสูญเสียโอกาสของการศึกษาที่สำคัญหลักความจริงมีอยู่ว่าทุกคนต้องตาย แต่ในระหว่างที่ยังไม่ตายนี้ บางทีก็ลืมตัวใช้ชีวิตหมกมุ่นอยู่กับกิเลส หลงโกรธแค้นอาฆาตคนอื่นจนชีวิตไม่มีความสุขบ้าง โลภโมโทสัน เอาเปรียบคนอื่นไม่เลือกถูกผิดบ้างหรืออย่างธรรมดาที่สุดก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปวัน ๆ ให้ชีวิตสูญเปล่าบ้าง แต่ถ้านึกถึงความตายและมองเห็นสัจธรรมของชีวิตได้ ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาล เพราะจะทำให้รู้จักตัวเองดีขึ้น ในที่สุดจะขวนขวายปรับปรุงตนเองในทุกทางไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้ เหมือนคนที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะ ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้ไฟดับลงโดยเร็วที่สุดดังนั้น การไปงานศพจึงไม่ควรไปเพียงเพราะเป็นญาติกัน เป็นเพื่อนกันหรือเป็นผู้เคารพนับถือกันเท่านั้นแต่ควรไปเพื่อศึกษาของจริงให้รู้ว่านี่แหละชีวิตนี่แหละคนเราสุดท้ายก็ต้องจบลงที่นี่เวลาของคนตายหมดลงแล้วเวลาของตัวเราเหลืออีกเท่าใด และจะทำอย่างไรกับชีวิตในเวลาที่เหลืออยู่ จึงจะดีที่สุดสำหรับตัวเองเพียงแค่ระลึกได้อย่างนี้ การไปงานศพทุกครั้งก็จะมีคุณค่ามหาศาล
(กองการฝึก กองเรือยุทธการ โทร.033-147689 มือถือ 095-7233739)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น